การจากไปของบุคคลอันเป็นที่รักเป็นเรื่องที่ยากลำบากอยู่แล้ว และความกังวลเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินที่เหลืออยู่ก็ยิ่งเพิ่มความตึงเครียดมากขึ้น การตั้ง ผู้จัดการมรดก จึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้กระบวนการจัดการทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย ในฐานะทนายความ เราเข้าใจดีว่าหลายท่านอาจยังไม่คุ้นเคยกับบทบาทนี้ บทความนี้จะให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการตั้งผู้จัดการมรดก เพื่อให้คุณเข้าใจถึงความสำคัญและขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง
ผู้จัดการมรดก คือ บุคคลที่ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลและจัดการทรัพย์สิน หนี้สิน และภาระผูกพันต่างๆ ของผู้เสียชีวิตตามพินัยกรรม (ถ้ามี) หรือตามกฎหมาย โดยมีหน้าที่หลักในการรวบรวมทรัพย์สิน ชำระหนี้ และแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกให้ถูกต้องและเป็นธรรม
การตั้งผู้จัดการมรดกมีความสำคัญด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น:
บุคคลที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกได้จะต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญ คือ:
ผู้ที่จะร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกอาจเป็นทายาทโดยธรรม ผู้รับพินัยกรรม ผู้มีส่วนได้เสีย หรือพนักงานอัยการก็ได้
โดยทั่วไปแล้ว ขั้นตอนการตั้งผู้จัดการมรดกจะประกอบด้วย:
ค่าใช้จ่ายและค่าบริการว่าความในการตั้งผู้จัดการมรดก ไม่มีราคาตายตัว ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ความซับซ้อนของคดี มูลค่าทรัพย์มรดก และอัตราค่าบริการของทนายความแต่ละสำนักงาน
ค่าใช้จ่ายหลักๆ ประกอบด้วย:
ค่าธรรมเนียมศาล: 200 บาท
ค่าทนายความ: ค่าบริการเตรียมเอกสาร ยื่นคำร้อง ดำเนินคดี และให้คำปรึกษา
ค่าประกาศโฆษณา: ค่าใช้จ่ายตามกฎหมาย
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ (ตามจริง): เช่น ค่าคัดสำเนาเอกสาร, ค่าเดินทาง, ค่าโอนกรรมสิทธิ์
ประมาณการเบื้องต้น: สำหรับคดีไม่ซับซ้อน ค่าบริการว่าความและค่าใช้จ่ายโดยรวมอาจเริ่มต้นที่ประมาณ 15,000 – 30,000 บาทขึ้นไป อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงตัวเลขประมาณการที่อาจเปลี่ยนแปลงได้
การตั้งผู้จัดการมรดกเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่มีความสำคัญและมีรายละเอียด หากคุณกำลังเผชิญกับสถานการณ์นี้และต้องการคำแนะนำหรือความช่วยเหลือในการดำเนินการ เราในฐานะทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมรดก พร้อมให้คำปรึกษาและดำเนินการแทนคุณ เพื่อให้การจัดการทรัพย์สินของผู้จากไปเป็นไปอย่างถูกต้องและราบรื่นที่สุด